ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากี่วันถึงจะอัพไดอะรีของทริปนี้เสร็จ
เราออกเดินทางกันในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม กลับมาเย็นวันพฤหัสที่ 14 สิงหาคม
รวมแล้ว 7 วันพอดี มีเรื่องราวการเดินทางมากมาย ที่ใหม่อยากจะบันทึกเอาไว้
ขอบคุณ คุณแฟนที่แสนดี เทรุ เช่นเคย ที่เป็นสปอนเซอร์ให้ในทริปนี้ ทั้งตั๋วเครื่องบิน และที่พัก
จริงๆ แล้วทริปนี้ ใหม่ตั้งใจจะให้เป็นทริปส่งท้าย กะจะไปเดือนหน้า
แล้วโอบ้ง จะไปโอกินาว่า... แต่พอเช็คดูแล้ว ปรากฏว่า
ไปเกาหลี ยังถูกซะกว่าไปโอกินาว่า ซึ่งเป็น demestic travel ซะอีก
เลยฆ่าตัดตอน ไม่ไปแล้วโอกินาว่า เปลี่ยนมาไปเกาหลีตอนโอบ้งแทน
วันหยุดโอบ้งของคนญี่ปุ่น เป็นเทศกาลที่มีความเชื่อว่า บรรดาบรรพบุรุษเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน
ญาติพี่น้องก็จะมารวมกัน ถือเป็นเทศกาลของครอบครัวก็ว่าได้
วันหยุดโอบ้งนี้ หยุดติดกันถึง 10 วันทีเดียวค่ะ
รายละเอียดใหม่จะเล่าอีกทีหลังจากอัพไดอะรีทริปเกาหลีเสร็จ (ไปดูไฟที่ไดมอนจิมา)
August 8, 2008
เช้าวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม (โอ้ เลขสวย 8-8-8)
ไฟลท์ของเราเวลา 11 โมงเช้า ใหม่กับเทรุต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า
เพราะว่าเราอยู่ที่เกียวโต ซึ่งใช้เวลาสองชั่วโมงเศษ กว่าจะเดินทางไปสนามบินคันไซ
แต่แล้ว ใหม่ก็ชักช้า จนตกรถไฟเที่ยวแรกอยู่ดี กว่าจะไปถึงแอร์พอร์ตก็เก้าโมงเศษๆ
โชคดีที่ counter check-in ไม่มีคนเลย (ก็เค้าเช็คอินกันเสร็จไปชาติเศษแล้ว)
เราเลยได้ผ่านไปข้างในโดยใช้เวลาแป๊บเดียวเอง
คราวนี้ เราเลือกใช้บริการของสารการบิน All Nippon Airways (ANA)
แต่ขาไปนี้ ANA โค้ดแชร์กับสายการบิน Asiana
ใหม่เลยมีโอกาสได้ใช้บริการสารการบินสัญชาติเกาหลีกับเค้าเป็นครั้งแรกเอาคราวนี้
จะบินแล้วจ้า
ใช้เวลา หนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
อาหารบนเครื่องบิน สไตล์ญี่ปุ่น (แต่ใหม่แทบไม่ได้ทานเลย)
บ่ายโมงเศษๆ เราก็มาถึงสนามบินอินชอน
คนญี่ปุ่นเยอะไปหมดเลย เพราะว่าวันหยุดโอบ้งจะเริ่มขึ้นวันพรุ่งนี้แล้ว
ช่วงนี้ น้ำมันแพง เค้างดไปยุโรปกัน หันมาเที่ยวกันใกล้ๆ ทำให้เกาหลีฮิตตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
เทรุจัดการไปแลกเงินแล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าโซลกันเลย
ที่พักของเราคราวนี้ ใหม่ขอให้เทรุจองโรงแรมที่เล็กๆ แต่ใกล้กับย่าน downtown
เลยมาลงตัวที่ Namsan park hotel เดินแค่ 5 นาทีเองจากเมียงดง (จะเรียกมยองดงก็ไม่ผิดกติกาค่ะ)
ห้องเล็กจิ๋วมากๆ แต่สำหรับใหม่ก็ถือว่าดีแล้ว เพราะเรามาเที่ยวกันแบบประหยัดนี่นะ
โรงแรม มีไว้อาบน้ำ และนอนอย่างเดียว เซฟเงินเอาไว้ช้อปดีกว่าค่า อิอิ
เก็บข้าวของที่โรงแรมแล้ว เราก็เลยคุยกันว่า วันนี้ จะไปเที่ยวพระราชวังกันดีกว่า
เวลามีน้อย (กว่าจะมาถึงก็บ่ายแล้ว) ไปเที่ยววัง คงไม่ใช้เวลาเท่าไหร่
คิม เพื่อนเกาหลีของใหม่ แนะนำมาว่า พระราชวังในเกาหลี ดูแล้วก็คล้ายๆ กัน
เพราะฉะนั้นเลือกไปชมที่เดียวก็พอแล้วจ้า
ใหม่เลยเลือกพระราชวังเคียงบก หรือเคียงบกกุง ซึ่งเป็นที่ๆ ใหญ่ที่สุดก็แล้วกัน
เช็คดูใน guideboook แล้ว เค้าว่ามีไกด์เป็นภาษาอังกฤษ รอบเวลาบ่ายสามโมงด้วย
ทางเข้า (North gate) วันนี้ ปิดปรับปรุงพอดี
เราเลยต้องอ้อมไปเข้าอีกฝั่งแทน ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือเวลาอีกหน่อย
แถมมันก็แดดเปรี้ยงซะแบบนี้ ใหม่เลยชวนเทรุเข้าไปหลบร้อนในพิพิธภันฑ์กันดีกว่า
National Palace Museum of Korea
เข้าทีเลย แอร์เย็นฉ่ำ เราเลยเข้าไปเก็บภาพสวยๆ กันซะหน่อย
ใหญ่พอสมควรเลยนะคะ แต่เวลาก็ไม่ไม่มากเท่าไหร่ ก็เลยเดินดูกันแค่สองห้องเท่านั้นเอง
สิ่งที่เหลืออยู่ ...
พระราชวังเคียงบกแห่งนี้ ถูกเผาทำลายโดยกองทัพญี่ปุ่นถึงสองครั้งค่ะ
สถานที่ๆ เราจะไปเยี่ยมชมในวันนี้ เพียงแค่ 30% ของพระราชวังยามรุ่งเรื่องเท่านั้นเอง
เห็นมั้ยว่า... สงครามไม่เคยให้อะไรกับใครเลยจริงๆ
สงสารก็แต่เทรุ 55++ โดนตอกย้ำซ้ำเติมมากๆ ต้องขอโทษแทนคนญี่ปุ่นแทบไม่ทัน
ชุดทางการของพระราชินี
เครื่องประดับผม
ใหม่สงสัยมาตั้งแต่ดูแดจังกึมแล้วล่ะนะ เค้าใช้ปิ่นกี่ตัวติดผมกันนะ?
ดูท่าจะหนักเอามากๆ เลย กว่าจะทำผมเสร็จครั้งนึงคงใช้เวลาเป็นวันแหงๆ
นับได้กี่ตัว บอกใหม่ด้วยน้า
หรูหราเอามากๆ เลยค่ะ
ขนาดถ้วยชายังทำด้วยหยกเลย
ห้องจัดแสดงที่เราเข้าไปชมห้องแรกนี้ เป็นสิ่งยืนยันได้ดีถึงความรุ่งเรืองของเกาหลีในสมัยนั้น
แล้วก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของอารยธรรมจีนในคาบสมุทรเกาหลีด้วย
(ชักจะฟังดูเหมือนรายงานวิชาประวัติศาสตร์เข้าไปทุกที)
พอบ่ายสามเศษๆ เราก็รีบกลับไปที่พระราชวังเพื่อรอคุณไกด์ของเราค่ะ
The main hall
ซักพัก ก็มีทหารยามออกมาเดินพอดี (คิดว่า น่าจะเป็นการแสดงเอาใจนักท่องเที่ยวมากกว่า)
ดูแล้วขึงขังดีเชียว ใหม่เลยต้องรีบเดินตาม อิอิ
เก๋มั้ยล่ะค้า ?
แชะซักภาพ
บ่ายสามครึ่ง คุณไกด์ และเพื่อนร่วมทัวร์ของเราก็เริ่มทยอยๆ กันมา
English tour ของเรา เล็กนิดเดียว เมื่อเทียบกับ Chinese tour ที่เริ่มในเวลาไล่เลี่ยกัน
คุณไกด์ใส่ชุดฮันบกด้วย คงร้อนน่าดู
ภาษาอังกฤษของคุณไกด์ แอบฟังยากนิดหน่อยสำหรับใหม่ (อาจจะยากมากสำหรับเทรุ)
แต่ยังไง ก็ดีกว่าภาษาอังกฤษของคนญี่ปุ่นแน่ๆ
เสียอย่างเดียว คุณไกด์พูดเร็วมากๆ แล้วก็รีบๆๆ เหมือนแค่อยากจะรีบๆ นำทัวร์ให้เสร็จๆ ไป (ร้อนนะเฟร้ย)
เราเลยไม่มีเวลาจะชมสถานที่แต่ละแห่งในพระราชวังซักเท่าไหร่ ฟังคุณไกด์อธิบายเสร็จก็ต้องรีบไปต่อ
ใหม่ว่า มันเข้าแนวชะโงกทัวร์เลยนะเนี่ย 55++
มังกรเจ็ดนิ้วของเกาหลี
ตามใหม่เข้าไปชมพระราชฐานชั้นในกันค่ะ !!
เอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบเกาหลี
ตรงชายหลังคา เค้าจะทำเหมือนเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ นั่งอยู่ นั่นแหละค่ะ
ใหม่สังเกตเห็นทั่วทุกที่ในพระราชวังแห่งนี้เลย
พลับพลาที่ประทับของพระมหากษัตริย์
เกาหลีสมัยก่อน มีระบบ central heating โดยเค้าจะเอาฟืนสุมเอาไว้ใต้พื้นค่ะ
เพราะฉะนั้น ข้างในก็จะอุ่นอยู่เสมอ และเพราะเหตุนี้เอง คนเกาหลีจึงนิยมนั่งหรือนอนที่พื้น
แม้แต่พระมหากษัตริย์ ก็ยังนอนพื้นเลยค่ะ
สวนลับของพระราชินี
คุณไกด์อธิบายว่า พระราชินีเกาหลีนี่อาภัพมาก
ออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ อยู่แต่ในวังก็จะแบบว่า เหงามาก
สวนตรงนี้จึงถือเป็นกิจกรรมยามว่างของพระราชินีล่ะ
ดอกลาเวนเดอร์แสนสวย
นาฬิกาแดด
ที่ตรงนี้ มีชุดฮันบกให้ลองใส่ด้วย คนละ 12,000 วอน
ใหม่อยากจะลองใจจะขาดเหมือนกัน แต่คิดว่าถ้าเราแวะที่นี่ คุณไกด์ต้องหนีเราไปแน่ๆ เลย
แล้วอากาศมันก็ร้อนมาก ถ้าต้องใส่ๆ ถอดๆ เสื้อผ้านี้ มีหวังใหม่ระเบิดแน่ๆ
อากาศที่นี่ ไม่ได้แตกต่างจากเกียวโตเท่าไหร่เลย ร้อนเหมือนกัน TT
Gyeonghoeru : floating pagoda
and again ...
คุณไกด์ให้เวลาเราตั้ง 5 นาทีแน่ะ !! เลยได้รูปนี้มา
ถ้าไม่ติดว่าอากาศร้อนจัดแบบนี้ เราคงจะเดินเที่ยวกันสนุกกว่านี้
แต่ยังไง ก็ได้รูปสวยๆ มาเพียบเลย
เราเดินชมพระราชวังกันอยู่ชั่วโมงเศษๆ ทัวร์ของเราก็จบลงตรงนี้
จริงๆ ยังมีพระราชฐานด้านใน แต่ส่วนนี้ เราจะต้องจองซะก่อน ถึงจะเข้าได้ ก็อดไปตามระเบียบ ^^"
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชวังเคียงบก ที่นี่ เลยค่ะ
ใหม่ กับ เทรุ ไม่ว่าที่ไหน เราก็จะไปด้วยกัน
ใกล้กันนั้น เห็นมี Korean Folk Museum ซึ่งค่าเข้า รวมอยู่กับตั๋วเข้าพระราชวังที่เราซื้อแล้ว
จะไม่เข้าไปดูซักหน่อยก็กระไรอยู่ (ทั้งที่ตอนนั้น หิวใส้แทบขาดกันอยู่แล้ว)
แถมตอนนั้น ร้อนแทบจะละลายอยู่แล้ว ขอเข้าไปรับแอร์เย็นๆ หน่อยเถอะน้า
Korean Folk Museum
ผสมผสานทั้งความเก่าและความทันสมัยเอาไว้อย่างลงตัว
สำหรับคืนนี้ เรามีแผนจะไปชม The Nanta Show เป็นโปรแกรมสุดท้ายค่ะ
เทรุจองตั๋วชมเอาไว้แล้วตั้งแต่ก่อนมา
ใหม่เข้าไปสอบถามที่ Tourist information ได้ข้อมูลมาเพิ่มเติมนิดหน่อย
จากที่ตอนแรก ตั้งใจจะไปทานซัมเกตัง (ไก่ต้มโสม) ที่เทรุอยากกินม๊ากก ที่เมียงดงกันก่อน
เราก็เลยนั่งรถเมล์ไปที่โรงละครกัน ใหม่กลัวว่า เราจะหาทางไปโรงละครไม่เจอ แล้วมันจะไม่ทันเวลา
เลยคิดว่าจะไปกินกันแถวๆ นั้นแทนก็แล้วกัน
Seoul City hall
Deoksugung Palace ชมอยู่ข้างนอกเท่านั้นค่ะ
เดินไปอีกหน่อย เราก็พบกับโรงละคร Nanta Theater โชว์ของเรารอบสองทุ่มค่ะ
เพิ่งหกโมงกว่าๆ เอง ยังเหลือเวลาอีกเยอะ แล้วตอนนี้ ก็หิวกันหน้ามืดแล้ว
เดินวนหาร้านอาหารกันแป๊บนึง ก็เลยมาลงตัวที่ร้านใกล้ๆ Nanta Theater นั่นแหละ
ดูราคาแล้ว ก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่
เครื่องเคียงจำนวนมหาศาลก็เริ่มทยอยกันออกมา
ใหม่แอบทำเปิ่นด้วย - -"
เพราะว่าเราสั่งหมูย่างกัน เค้าก็เลยมีกิมจิให้มาด้วย
ใหม่เข้าใจว่า กิมจิเอาไว้กินเล่น ประกอบกับความหิวด้วย เลยลองชิมไปซะหลายคำ
หารู้ไม่ว่า จริงๆ แล้วกิมจิเนี่ย เค้าต้องเอามาย่าง (ทอด?) พอให้ร้อนๆ แล้วทานกันหมูย่างค่ะ
คุยกับคุณพนักงานที่ร้านก็ไม่รู้เรื่อง (ใหม่อ่านฮันกุกออก แต่ว่าพูดนี่ไม่ได้เรื่องเลย)
สุดท้ายก็กินกิมจิกันอร่อยกับเทรุสองคน โดยที่มีคุณพนักงานขำอยู่ไม่ไกล 55++
คาลบิ ไม่มีตังค์ เอาหมูย่างบูลโกกิไปก่อนละกันน้า
นอกจากหมูย่างสองชุดที่เราสั่งแล้ว เทรุก็สั่งเรเมง (หมี่เย็น) มาด้วย
สุดท้ายแล้วก็เลยเยอะจนกินกันแทบไม่หมด
นี่ล่ะน้า สั่งอาหารตอนหิวพอดี สั่งแบบชูชก กินกันแทบท้องแตก
กินเสร็จ เราก็ไปบุ๊คที่นั่งกัน (ตั๋วจองมาแล้ว) เสร็จแล้วยังมีเวลาอีกหน่อย
ใหม่เลยชวนเทรุไปกินของหวานกันเถอะ ใหม่อยากกินน้ำแข็งใสมากๆ เลย
น่ากินกว่าคากิโกริของญี่ปุ่นเย้อออออออ
เกือบได้เวลาแล้ว เรากลับมาที่โรงละครนันทา คนเริ่มเยอะแล้ว (ส่วนใหญ่ก็คนญี่ปุ่น)
โชว์นี้ ถือเป็น The Must-See show ของเกาหลีเลยก็ว่าได้
ใครๆ ก็สามารถที่จะสนุกสนานไปกับโชว์นี้ได้ เพราะว่ามันเป็น non-verbal show ค่ะ
ไม่ต้องเข้าใจภาษาเกาหลีก็สามารถชมได้ ไม่มีปัญหาเลย
ข้อมูลเพิ่มเติมของนันทาโชว์ ที่นี่ ค่ะ
เทรุเจอ jackpot โดนเรียกให้ขึ้นไปร่วมโชว์ด้วย
Just married !!
เนื้อหาของโชว์ ก็จะประมาณว่า เป็นเรื่องราวทีเกิดขึ้นในครัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง
วันนี้มีงานแต่งงาน คุณเชฟๆ ทั้งหลาย ต้องทำอาหารจำนวนมาก
ที่เทรุโดนเรียกขึ้นไป ก็โดนเรียกขึ้นไปลองชิมอาหารที่เค้าทำกันนั่นแหละค่ะ ตลกม๊ากกกกก
จริงๆ แล้ว เค้าไม่ให้ถ่ายรูป หรือถ่ายวิดิโอมานะคะ (เค้ามีซีดีขายที่ร้านขายของที่ระลึก)
แต่ใหม่อดไม่ได้จริงๆ แหม เทรุอยู่บนเวทีนะ
เลยแอบแชะมาหน่อยนึง ก่อนที่คุณเจ้าหน้าที่จะแอบมากระซิบข้างหูว่า ห้ามถ่ายรูปครับ
ไม่หน่อยนะจริงๆ มีวีดีโอมาให้ดูด้วย
ทีมนักแสดง
แต่ละคนดูแข็งแรงมากๆ เลยค่ะ
เพราะว่าเค้าต้องทั้งร้องทั้งเต้นกัน nonstop ร่วมสองชั่วโมงแบบนี้
(เหงื่อโชกกันเลยทีเดียว) ใหม่นะ ตกหลุมรักคนที่แสดงเป็น Nephew เลย น่ารักม๊าก
สำหรับ The Nanta Show ไม่ผิดหวังและไม่เสียดายตังค์เลยค่ะ สนุกจริงๆ
ใครไปเที่ยวเกาหลี ต้องไม่พลาดไปชมให้ได้นะคะ ใหม่แนะนำ ^^
นี่ไม่ได้ค่าโฆษณานะ 55++
ถ่ายที่หน้าโรงละครนันทา
ระหว่างทางกลับ มีหลงทางกันในรถไฟใต้ดินเล็กน้อย (โง่อ่ะ จริงๆ เดินก็ได้ ใกล้นิดเดียว)
แต่ก็เดินทางกลับมาถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ
คืนนั้น ใหม่นอนไม่ค่อยหลับเลย ถึงจะเหนื่อยมาก
เหตุผลก็เพราะเจ้าหมอนนั่นเอง สูงมาก นอนแล้วเมื่อยจริงๆ
(ห้องที่เราจองเป็นห้องสไตล์เกาหลี นอนฟูก) พื้นก็แข็งด้วย TT
พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหน
อย่าลืมติดตามต่อนะคะ ^^
No comments:
Post a Comment